เรื่องราวการคลอดของน้องอีสเตอร์ ตอนที่ 1

สวัสดีครับ วันนี้ผมมีเรื่องน่าตื่นเต้นที่จะมาเล่าให้ท่านผู้อ่านฟัง เป็นเรื่องที่ตื่นเต้นที่สุดในชีวิตของผมก็ไม่พ้นเรื่องของลูกนี่ล่ะครับ

อาการเริ่มต้นก่อนคลอด

วันที่พบป้าหมอในวันที่ 16 เมษายน 2564 อีฟมีอาการเท้าบวมเล็กน้อยเกิดขึ้น แต่หมอแจ้งว่าแค่ตึงๆ ยังไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง แต่หลังจากนั้น 10 วันก่อนที่จะกลับไปพบป้าหมออีกครั้งนึง อีฟมีอาการเท้าบวมบ่อยขึ้น คือบ่อยมากยืนนิด เดินหน่อย จากที่เท้าปกติก็กลับมาบวมแล้ว และเวลากดก็มีอาการเจ็บๆ หน่วงๆ ตอนแรกผมกับอีฟคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติที่ภาวะคุณแม่ครรภ์ 8 เดือนใกล้จะคลอดมักจะเป็นกัน

แต่มันไม่ใช่แบบนั้นครับ วันที่ 30 เมษายน 2564 เป็นวันครบกำหนดนัดเจอป้าหมอ ผมเดินทางไปถึงโรงพยาบาลเขลางค์-ราม ตอน 11 โมงตามเวลา พยาบาลเข้ามาเก็บฉี่ไปตรวจ วัดความดันตามปกติ และแจ้งพยาบาลว่าเท้าบวม

หลังจากพยาบาลดูอาการที่เท้าบวมบวกกับความดันโลหิตขึ้นไป 160/90 ก็ตกใจกันใหญ่ แจ้งว่ามีโอกาสที่จะ “ครรภ์เป็นพิษ” และลองตรวจความดันอีฟอีกรอบนึง ผมไม่แปลกใจครับที่ความดันจะขึ้นสูงไปอีกเพราะภรรยาของผมได้ Panic ไปเป็นที่เรียบร้อย

ครรภ์เป็นพิษ

โรคนี้ผมไม่รู้จักและไม่ได้หาข้อมูลเลย ผมได้ Google และอ่านอย่างรวดเร็วพบว่าไม่มีวิธีไหนที่จะรักษาภาวะนี้ได้เลย ท้ายสุดจะต้องยุติการตั้งครรภ์เพียงอย่างเดียว ได้อ่านแบบนี้เอาจริงๆก็ใจเสียล่ะครับ แต่จะออกอาการมากไม่ได้ คนข้างตัวเรากำลังจะทรุดละผมเช็คเธอตลอดว่าเธอกำลังจะหายใจไม่ออกหรือไม่ แต่อีฟยังคงสติไว้ได้ดีมือสั่นเท้าสั่นนิดหน่อย พยาบาลให้ไปนอนรอหมอในห้องตรวจก่อน …

ขึ้นห้องเตรียมผ่าคลอด

หลังจากที่พบหมอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หมอแจ้งว่าน้องมีอายุ 34 Week กับอีก 1 วัน แต่เกิดครรภ์เป็นพิษขึ้น พบเจอโปรตีนรั่วออกมากับเลือดถึง 3 … ผมฟังหน่วยไม่ทัน แต่ปกติมันไม่ควรจะมีออกมา หรือค่าของมันควรจะเป็น 0 ซึ่งบ่วบอกถึงความผิดปกติ ความดันเลือดที่ไม่ลดลงเลยซึ่งนอนอยู่เฉยๆแบบนั้น ความดันตอนนั้นอยู่ที่ 170/110 – 100 อยู่ตลอดเวลา

หมอยังแจ้งอีกว่า เด็กที่เกิดมาอาจจะต้องอยู่ในตู้อบต่อให้เค้าโตอีกนิดนึง อะโอเค ใครๆก็อยู่ในตู้อบได้อันนี้ผมไม่ค่อยเท่าไหร่

เด็ก 34 อาทิตย์นี้ Worst case จะเกิดอะไรขึ้นกับเค้าบ้าง ?

ผมสอบถามไปยังพี่สาวของผมซึ่งอยู่ icu เด็กเพื่อทราบคำตอบที่ร้ายแรงที่สุดเพื่อเตรียมใจและรับแรงกระแทกไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ พี่หญิงบอกว่าน้องต้องเข้าตู้อบและต่อ tube เครื่องช่วยหายใจต่างๆ ไม่ต้องตกใจกับสายระโยงระยางที่จะเกิดขึ้น เด็กอาจจะหายใจเองไม่ได้ ต้องช่วยเค้าหายใจ เพราะปอดยังสร้างไม่สมบูรณ์ โหผมได้ยินแบบนั้นน้ำตาก็แอบไหลครับ สงสารเจ้าตัวเล็กอย่างที่สุด แต่เอาน่ะเพื่อรักษาชีวิตไว้จะทำอะไรก็ต้องทำ ตอนนั้นคิดว่าน่าจะได้ผ่าคลอดที่โรงพยาบาลเขลางค์ ก็ให้นอนพักรอความดันลงอยู่ในห้องผ่าตัดรอคลอดไปก่อน

ต้องเปลี่ยนโรงพยาบาลทำคลอด

ระหว่างรอผมก็ได้ออกมาเตรียมของที่จะต้องไปอยู่ในห้องพิเศษครับ ตั้งแต่ข้าวของเสื้อผ้า ของใช้ต่างๆ รวมไปถึงของที่จะตกแต่งห้องเพื่อทำการต้อนรับเด็กเกิดใหม่ … แต่ในขณะนั้นเองอีฟก็โทรมาแจ้งว่าจะต้องไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลศูนย์ลำปางแทนที่จะเป็นที่นี่ เพราะเอนไซม์ในตับสูงขึ้นถึง 3 เท่า ผมจึงได้รีบกลับมาที่ รพ เพื่อที่จะขึ้นรถฉุกเฉินไปด้วยกัน

เหตุผลที่ไม่สามารถคลอดก่อนกำหนดได้ที่โรงพยาบาลเขลางค์

คือเด็กที่มีอายุก่อน 35 Week นั้นปอดยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ ตู้อบของโรงพยาบาลเขลางค์ เอาไม่อยู่ หากน้องมีอาการเหนื่อย หอบ หายใจเองไม่ได้ จะต้องใช้ทีมและตู้อบที่มีขนาดใหญ่และพร้อมมากกว่านี้ ป้าหมอจึงตัดสินใจที่จะให้อีฟย้ายไปคลอดที่โรงพยาบาลลำปาง ดีกว่าเพื่อความปลอดภัยของแม่และเด็ก

ขึ้นรถฉุกเฉินของโรงพยาบาล

หลังจากเตรียมอีฟและรถฉุกเฉินพร้อมแล้วก็ลุยเลยครับ ผมกับอีฟและพยาบาลอีก 2 คนขึ้นรถไปพร้อมกันหมด มีการวัดความดันของอีฟอยู่ตลอดเวลาเพื่อเช็คอาการ ส่วนอีฟก็น่าจะตื่นเต้นและมีอาการเมารถแน่นอนเพราะซิ่งซะเหลือเกิน เก็บทุกหลุม กระโดดกระเด้งกันไป ไม่เป็นไรทำเวลา พอเข้าใจได้

พอมาถึงโรงพยาบาลศูนย์ลำปาง ก็ได้ทำการเปลี่ยนเตียง เปลี่ยนผ้าคลุม และเข็นอีฟขึ้นไปยังห้องเตรียมคลอดที่ชั้น 5 ตึก นวมินทร์ ทันที ไม่ทันได้ร่ำลา เค้าก็เข็นอีฟเข้าไปในห้องที่ผมไม่สามารถเห็นเธอได้ … ช่วงเวลานั้นคือเป็นความรู้สึกที่เลวร้ายมาก อยู่เอกชนสามารถเข้าออกได้ทุกห้องสอบถามอาการได้ตลอดเวลา เดินเล่นในห้องผ่าได้เลย แต่ที่นี่ไม่ได้ครับ ผมก็เข้าใจแหละแต่อยากบ่นให้ฟังเฉยๆ

หลังจากที่อีฟเข้าไปในห้องเตรียมคลอดเค้าก็ได้ให้ยากันชักและลดความดัน จากนั้นก็รอถามอาการไปเรื่อยๆครับ ระหว่างนั้นผมก็ไปทำเรื่องลงทะเบียน จองห้องพิเศษ กรอกใบตั้งชื่อลูก ใบแจ้งเกิด จัดเตรียมเอกสารนู้นี่นั่น และก็รอ…

การรอคอยอย่างไม่มีจุดหมาย

มาถึงโรงพยาบาลลำปางประมาณบ่ายนิดๆ แต่ก็ต้องมานั่งรอแบบงงๆ งงว่าเมื่อไหร่จะได้รู้อาการของอีฟและลูกซะที ผมก็สอบถามอาการและอัดวีดีโอเพื่ออัพเดทในกลุ่มครอบครัวอยู่เรื่อยๆ อาการที่แจ้งคือเหมือนเดิม ความดันในเลือดสูง ท้องแข็ง เอนไซม์ในตับไม่ลดลง

ตกเย็นก็ออกทานข้าวร้านอาหารป่าแถวๆสะพานอะไรสักอย่างจำชื่อไม่ได้ละเคยมากินกับพ่อตอนเด็กๆ อาหารที่เคยอร่อยวันนั้น วันนี้ไม่อร่อยเลยครับ มันรู้สึกแย่ไปหมด เป็นห่วงก็เป็นห่วง อึนๆอึดอัดอยู่ตลอดเวลา หลังจากนั้นก็ไปรอกันต่อในโรงพยาบาล

สอบถามอาการครั้งสุดท้ายของวัน

หลังจากให้พ่อ แม่ แม่อู๋กลับไปก่อน ผมก็อยู่เฝ้าอีกสักหน่อยเผื่อจะมีอะไรเพิ่มเติม ระหว่างนั้นพยาบาลก็ย้ำในส่วนของสิ่งที่ต้องเตรียมมาให้ตอนน้องคลอดแล้วนั่นคือ

  • หมวก
  • ผ้าอ้อม 2 ผืน
  • ทะเบียนบ้าน ผมและอีฟ
  • บัตรประชาชน ผมและอีฟ

สอบถามอาการได้เรื่องว่า ความดันสูงคงที่แต่ไม่สูงขึ้น ค่าในตับยังคงสูงอยู่ตลอดเวลา มีโอกาสทำให้ตับหรือไตวายได้ อาจจะได้ผ่าคลอดคืนนี้ หากมีการอัพเดทยังไงจะโทรแจ้งให้ทราบทันที ผมก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเออในห้องคนไข้สามารถใช้โทรศัพท์ได้นี่นาก็เดี๋ยวก่อนกลับ เอาโทรศัพท์เข้าไปให้ดีกว่า อันนี้พลาดมากไม่ยอมเอาให้ตั้งแต่ตอนแรก อีฟนอนเหงาอยู่ตั้งนาน

แต่ก็ไม่ทันได้เอาขึ้นไปให้ครับ นางโทรมาก่อน ใช้โทรศัพท์ของโรงพยาบาลนั่นแหละโทรมาแจ้งอาการที่เหมือนกับพยาบาล มีโอกาสคลอดคืนนี้และเอาโทรศัพท์มาให้เค้าด้วย … ผมก็โทรศัพท์ไปส่งและกลับบ้านมาอาบน้ำเช็คงานนู้นนี่สักหน่อย พี่แอ้(พี่สาวอีฟ) ก็แชทมาว่าโทรถามอาการอีฟรึยัง เออเนอะ ยังไม่ได้โทรหาเลย ก็สักหน่อยดีกว่า เดี๋ยวจะดึกไปมากกว่านี้

เบอร์โทรห้องคลอด โรงพยาบาลศูนย์ลำปาง

054237400 ต่อ 6000 โทรได้ 24 ชั่วโมง ผมก็โทรละก็อัดวีดีโอไปด้วยเพื่อที่จะให้พี่แอ้ได้ยินเสียงอีฟว่าเป็นยังไงบ้าง สิ่งที่ผมคิดในหัวคือเสียงต้องงัวเงียแน่นอน แต่ผิดคาดครับ เสียงสดใสมากแลดูไม่เครียด แต่อาการความดันสูงยังคงอยู่ 160-170 คือสูงมากจริงๆ ลุ้นมากว่าจะได้ผ่าคืนนี้เลยรึเปล่าก็ยังตอบกันไม่ได้ ก็ไม่เป็นไรรอดูกันต่อไป หลังจากที่ส่งคลิปให้พี่แอ้แล้ว พี่แอ้ก็สบายใจละหลับได้ ส่วนผมก็รู้สึกสบายใจอยู่เหมือนกันที่น้ำเสียงไม่ได้ดูกังวล ตัวเล็กก็ยังคงคึกคักอยู่ในท้องที่แข็งของคุณแม่อยู่ตลอดเวลา … จะออกก็ออกดีๆนะลูกนะ พรุ่งนี้ก็ได้เจอกันละ

Leave a Comment